"จดหมายเตือนจากFacebook"
“ถ้าวันนี้ธุรกิจคุณ
ต้องพึ่งการยิงadsอย่างเดียว
ในปี2021หรือในอนาคตอันใกล้
อาจจะเริ่มทำงานยากขึ้น”
—————
ช่วงที่ผ่านมาใครที่ทำธุรกิจ
ค้าขายบนFacebook
มีการทำโฆษณา
ยิงAds ขายสินค้าตรงๆ
จะเห็นเลยว่าข้อดีอย่างนึง
ของการทำการตลาดผ่านFacebook
และข้อดีที่....
ทำให้เราไม่อยากหนีไปทำการตลาด
ในplatformอื่นๆ
คือเรื่องของ “Data “
Facebook
มี อัลกอลิธึม
ที่การเก็บพฤติกรรมของคนใช้อย่างเราๆ
พวกเราทุกคน
ถ้ามองในฐานะคนใช้จะรู้กันว่า
หลายๆ ครั้ง ...
เหมือน Facebook
“มันจะรู้จักตัวเรามากกว่า
ตัวเรารู้จักตัวเองซะอีก”
และเหมือน Facebook จะรู้ใจ
เราไปซะทุกเรื่อง
ว่าเรากำลังอยากได้อะไร?
หรือตอนนี้กำลังค้นหาข้อมูล
หรือสินค้าอะไรอยู่?
เพราะ....
Facebook มันก็จะพยาม
โชว์ข้อมูล
โชว์โฆษณา
ของ สินค้า บริการที่เราต้องการ
ให้เราเห็นทางfeedข่าว
เป็นแบบนี้เสมอ
“อย่างกับเป็นเรื่องบังเอิญ
เหมือนกับว่ามันแอบฟังเราอยู่”
————
ซึ่งจริงๆ...
แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่เป็นความฉลาดของระบบFacebook
ในการเก็บข้อมูลเก็บพฤติกรรมของเรา
ในแง่ดีคือ....
มันจะคัดกรองอะไรที่เราไม่สนใจออก
และส่งแต่เรื่องอะไรที่เราสนใจมาให้
เพราะฉะนั้นหน้าFeed
Facebookของเรา
กับ
หน้าFeed
Facebookของเพื่อนเรา
มันเลยไม่เหมือนกัน
ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคน
เพราะฉะนั้นแต่ละคนรวมถึงเรา
ก็จะมีความรู้สึกว่า....
ในFacebookมีแต่เรื่องที่เราสนใจอยู่เสมอ
ทำให้เราสามารถนั่งดูFacebookเพลินๆ
เรื่อยๆได้ตลอดเวลา
(ประเด็นนี้ผมขอไม่พูดถึงเยอะ
เพราะพี่น้องที่ตามเพจ
ส่วนใหญ่คือคนทำธุรกิจ
เพราะฉะนั้น
ผมจะพูดถึงให้น้ำหนักในแง่ของการทำธุรกิจ)
————
และในแง่ดีของการทำธุรกิจ
คือ....
“การที่Facebook มี data เหล่านั้นของทุกคน”
“การที่Facebookมีการเก็บพฤติกรรม
ของคนใช้
ว่าคนๆนี้มีความสนใจเรื่องอะไรอยู่
กำลังค้นหาอะไร
ชอบอะไร”
“การที่Facebookสามารถ
แยกพฤติกรรมความสนใจของคนใช้ทั้งหมด
และแบ่งเป็น
ประเภทความสนใจแต่ละกลุ่มออกมา”
ในแง่คนที่ทำธุรกิจ
คนที่ยิงads ทำโฆษณาในFacebook
การที่Facebook มีการรวมรวม data ตรงนี้
นี่จึงเป็นเรื่องที่ดีมาก
เพราะเค้าสามารถที่จะยิงโฆษณาตัวเอง
ไปหากลุ่มว่าที่ลูกค้าตัวเอง
ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
และ.....
ข้อมูลตรงนี้
แทบไม่เคยมีสื่อใดๆในอดีต
ทำได้ลึกขนาดนี้มาก่อน
Tv วิทยุ หนังสือ
ก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้
————ก่อนจะไปถึง
ประเด็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราในปี2021
ผมอยากเล่าเรื่องนึง
เพื่อจะทำให้เราเข้าใจที่มาที่ไป
จะบอกว่าจริงๆการเก็บพฤติกรรมลูกค้า
มันก็มีมานานแล้ว
เหมือนกับสมัยก่อนคุณจะไปลงโฆษณา
ในทีวี วิทยุ
อย่างสมัยก่อนตอนที่ผมฝึกงานช่วงเรียน
ในสำนักพิมพ์ที่มีสถานีวิทยุแห่งนึง
มีการขายพื้นที่โฆษณาขณะจัดรายการ
ลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจที่จะมาลงโฆษณา
ก่อนที่เค้าจะมาลง
เค้าจะมีการทำการบ้านมาก่อน
เค้าจะรู้แล้วว่าช่องของวิทยุแต่ละช่อง
หรือช่องที่ผมไปฝึกงาน
ใครเป็นฐานแฟนที่ฟังอยู่?
ฐานแฟนเป็นประมาณไหน?
เค้าวิเคราห์แล้วว่า...
มันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่
สามารถมาซื้อมาใช้สินค้าเค้าได้
เค้าก็จะมาติดต่อลงโฆษณา
แล้วเค้าก็จะมาดูรายละเอียด
ว่ารายการในช่อง
มีรายการไหนบ้างที่เหมาะที่สุด
มีกลุ่มแฟนที่ติดตามที่น่าจะใช่ที่สุด
ที่จะลงโฆษณา
หลังจากนั้นเค้าก็ทุ่มเงินก้อนใหญ่
จ่ายเงินลงโฆษณากับช่อง
กับรายการนั้น
นี่คือการตลาดปกติ
ที่เค้าจะทำResearchกันละเอียดมาก
ก่อนที่จะตัดสินใจลงโฆษณาแต่ละครั้ง
“เพราะใช้เงินสูง”
————กลับมาที่ ณ ปัจจุบัน
ซึ่งพอวันนึงที่Facebook
เป็นสิ่งที่ทุกคนเล่นกันเป็นปกติ
แทบทุกคนได้มีโอกาสใช้Facebook
ถ้าเปรียบFacebookเป็นสื่อวิทยุ หรือTV
ก็คงเป็นทีวีที่มีหลายๆช่อง
(หลายๆเพจ)
ที่แต่ละคนสามารถติดตามสิ่งที่ใช่
สิ่งที่ชอบสำหรับตัวเองได้อย่างอิสระ
แต่สิ่งที่ต่างคือ
Facebook มีระบบ
ที่สามารถ Trackเรา
รู้ว่าเราสนใจสิ่งไหน
กำลังให้ความสนใจอะไรอยู่
และFacebookสามารถรวบรวมสถิติ
พฤติกรรมทุกคนได้
และมีกระบวนการแยกหมวดหมู่ออกมา
เหมือนกับFacebook
มีข้อมูลมาแบ่งประเภทได้ว่า
ว่ากลุ่มไหนกำลังสนใจอะไร?
เป็นหมวดหมู่แยกไว้ให้
(ในแง่ดีของผู้ใช้
การที่มีDataทำให้
ที่ผ่านมาเค้าเลยรู้ว่าสนใจอะไร
เลยสิ่งที่เราสนใจมาให้อีก)
และในแง่ของคนทำธุรกิจ
ที่ต้องทำการโฆษณา
ถือเป็นเรื่องที่สะดวกมากเพราะเรา
สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
ได้ด้วยราคาที่ถูกมาก
เมื่อเทียบกับสื่อสมัยก่อน
แต่สามารถเทสทีละนิดได้
และเจาะตรงกลุ่ม
ได้ในระดับพฤติกรรม
สามารถส่งไปหาคนที่ใช่
ได้ละเอียดกว่าเยอะ
ถ้าเทียบกับ
การลงโฆษณาในสื่อสมัยก่อน
เพราะฉะนั้นคนทำธุรกิจ
ที่ศึกษาเรื่องการตลาด
เรื่องการทำโฆษณา
วิเคราห์กลุ่มเป้าหมาย
ทำContent
การที่Facebook
มีDataตรงนี้ไว้ให้
เราทำโฆษณา หรือยิงAds
จึงเป็นโอกาสให้
คนค้าขายทำธุรกิจบนFacebookสามารถ
สร้างตัวเติบโตกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
———แต่ล่าสุด....
มีข้อความแจ้งเตือนจากทางFacebook
เข้ามา
(ตามในรูปpostนี้)
ว่าApple มีการประกาศว่า
จะไม่ให้ Facebook
เก็บข้อมูลส่วนตัวง่ายๆ อีกต่อไป
———ผมขอเอาความสั้นๆด้านล่าง
ที่อั๋น เชิดพงษ์
เจ้าของเพจ Un+ Chirdpong
คู่หูของผมที่
ได้รับข้อความนี้เช่นกันแล้ว
เขียนเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้าไม่กี่ชม
———— ข้อความจาก Un+ Chirdpong
**นี่คือ Trend ที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้
IOS ไม่ยอมให้ Facebook
เก็บข้อมูลง่ายๆ อีกต่อไป
และ ไม่แน่ว่า แนวคิดนี้
จะถูกขยายออกสู่ไปสู่ Android หรือไม่
เหตุผลเพราะว่า....
พวกเราจะรู้กัน
หลายๆ ครั่ง ....
เหมือน Facebook จะรู้จักเรา
มากกว่า เรารู้จักตัวเอง
เหมือน Facebook
จะรู้ใจเราไปซะทุกเรื่อง
ว่าเรากำลังต้องการอะไร
กำลังค้นหาอะไรอยู่
Facebook ก็จะโชว์ข้อมูล
โชว์ ADs ตัวนั้นให้เรา
แต่ Apple ไม่คิดแบบนั้น
Apple คิดว่า
นั่นคือ สิ่งที่ทำลายความเป็น มนุษย์
สมองมนุษย์ง่ายที่จะถูก
ครอบงำ หรือ Manipulate -> ใช้กลยุทธ์หลอกสมองให้ตัดสินใจ
เพราะฉะนั้น การให้
AI หรือ Facebook Algorithm
มาบอกว่า เราอยากได้อะไร เราชอบอะไรอยู่
แล้วให้ Ads พวกนั้น ระดม เข้ามาหาเรา
Apple เชื่อว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เป็นการ แทรกแทรง
การตัดสินใจของมนุษย์มากเกินไป
====
เหมือนสมัยก่อน
มีการซ่อนรูปเล็กๆ
ของ Pizza, Popcorn เข้าไปใน
สื่อ - แบบเล็กๆ
ที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ซ้ำๆ บ่อยๆ ในทุกๆ Frame
ทำให้เราอยากกิน Pizza, PopCorn
ซึ่งเป็นการหลอกสมอง
และเป็นสิ่งที่
คนเราเชื่อว่าไม่ถูกต้อง ..
เทคนิคเหล่านั้นเลยถูกห้ามใช้อีกต่อไป
====
เพราะฉะนั้นในแง่ดีของคนใช้
IOS ตัวใหม่ที่ออกมา (และแนวโน้มต่อไปหลังจากนี้)
“จะให้เรา”
“ เลือกได้ว่า”
“เรา อนุญาติ ให้ “
“Facebook Track”
“ ข้อมูลอะไรเราบ้าง”
หรือ
“ไม่สามารถ Track อะไรได้เลย “
“ก็เป็นสิทธิของเรา...”
=== และในแง่ของคนทำโฆษณา
**นั่นหมายความว่าอะไร?
นั่นหมายความว่า.....
“การยิง Ads ไปที่คนที่ต้องการสินค้าตัวนั้น”
“ความแม่นยำ”
“จะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ”
———
“และการสร้าง Lead ที่แท้จริง”
“สร้าง Bond กับลูกค้าจริงๆ
ตั้งแต่ต้นทาง”
“จะยิ่งสำคัญขึ้นเรื่อยๆ”
เป็นเรื่องสำคัญ
ที่ต้องจับตา ในปีหน้า !
===
Note: คำว่า Trend
คือ แนวโน้มที่คาดการณ์ว่าจะเกิดนะครับ
เพื่อเราจะได้ ปรับตัว
และลงมือทำบางอย่างล่วงหน้าก่อน
เป็นความเห็นส่วนตัว
จะเกิดจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้ 100% ครับ
Un+ Chirdpong
—————————
เพราะฉะนั้น
กลับมาที่สรุปของเราในวันนี้
เราไม่รู้หรอกว่า
เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
อาจจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
หรือฉับพลันทันที
แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่
“การที่เราสามารถเล่นFacebook
โดยที่สามารถเลือกได้ ว่า
“เรา อนุญาติ ให้
Facebook Track ข้อมูลอะไรเราบ้าง
หรือ ไม่สามารถ Track อะไรได้เลย “
บางคนอาจจะชอบ
เพราะไม่ต้องการเห็นadsอะไร
ในขณะมาเล่น
ชอบอารมณ์แบบ
อยากได้อะไรsearchหาเองเท่านั้น
แต่ก็อาจจะมีหลายคน
ยังปล่อยให้Trackได้อยู่
เพราะชอบที่จะได้เห็นข้อมูล
ที่ตัวเองสนใจส่งเข้ามาหา
ได้เห็นAdsได้เห็นของ
ที่ใช่ที่อยากได้ อยากซื้อ เข้ามา
ก็สะดวกดี
—————
แต่ในแง่การทำธุรกิจ
“การที่ให้ผู้ใช้”
“ เลือกได้ว่า”
“เรา อนุญาติ ให้ “
“Facebook Track”
“ ข้อมูลอะไรเราบ้าง”
“ไม่สามารถ Track อะไรได้เลย “
นั่นคือการที่....
“การยิง Ads ไปที่
คนที่ต้องการสินค้าตัวนั้น
ความแม่นยำ จะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ”
และถ้าวันนึง
คนจำนวนมากขึ้นๆ
เกิดตั้งค่า
ไม่อนุญาติให้Facebook Trackข้อมูลได้
คนที่ปัจจุบันพึ่งแต่โฆษณาหรือ
ถ้าพูดตรงๆคือ
เพจปกติทั่วไปที่
พึ่งการยิงAdsแต่เพียงอย่างเดียว
อาจจะกระทบมากขึ้นๆเรื่อยๆ
————
แต่......
อีกนัยนึงมีความเป็นไปได้สูงที่
จะเป็นยุคทองของ
ธุรกิจหรือเพจที่
มีฐานแฟนเพจแนว
ที่ลูกค้าพิมพ์ชื่อเพจเข้ามาดูเอง
มีผู้คนติดตามจริงจัง
อย่างกรณีพี่น้อง
ที่ผมยกตัวอย่างไป
(ลองดูpostก่อนๆ)
ที่ไม่ได้ทำเพจแบบปกติทั่วไป
ที่เปิดเพจ ลงPost สร้างความน่าเชื่อถือ
แล้วก็ยิงAdsขายตรงๆ
แต่เค้าทำเพจแบบ แนวOTO System
ที่เน้นมีคอนเทนต์ที่ดี ให้ว่าที่ลูกค้าจริงๆ
หรือมีแฟนๆติดตามจริงๆ
แฟนๆตามเพราะคุณค่าที่เค้ามอบให้
ผ่านContent
และความมีRelationship กับแฟนเพจ
ซึ่งแม้ไม่ต้องยิงAds
หรือเจอสถานการณ์ที่ยิงadsไม่ได้
เค้าก็ไม่กระทบมากนัก
เพราะยังสร้างRelationshipกับฐานแฟนได้
(ซึ่งต้องบอกว่า
แบบแรกแบบปกติ
ที่เปิดเพจ ลงPost แล้วก็ยิงAdsขายตรงๆ
แบบนี้ก็ยังทำได้อยู่ ณ ปัจจุบัน
แต่ที่ผ่านมาก็เริ่มมีสัญญาณต่างๆ
เข้ามามากขึ้น
เช่น Adsแพงขึ้น
จากการที่คนใช้เยอะขึ้น
หรือมีกฏเกณฑ์ดีเทลยิบย่อยเยอะขึ้น
เริ่มยิงได้ยากขึ้นเข้มขึ้นเรื่อยๆในหลายๆครั้ง
และในอนาคต
จะเริ่มมีเงื่อนไขต่างๆภายนอก
เข้ามามากขึ้นๆ
เช่นแบบกรณีวันนี้)
————
เพราะฉะนั้นทางออกในระยะยาว
ถ้าทุกวันนี้
ธุรกิจคุณยังต้องพึ่งโฆษณา100%
ถ้าวันไหนadsยิงไม่ได้ธุรกิจมีปัญหา
นี่อาจะเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มปรับตัว
1)ใครที่ทำธุรกิจบนFacebookอยู่แล้ว
เคยขายได้อยู่แล้ว
อาจจะค่อยๆปรับจากเพจที่ขายตรงๆ
ที่พึ่งการยิงadsอย่างเดียว
เป็นทำเพจ
ที่มีRelationship กับแฟนเพจจริงๆ
ถ้าเค้าอยากได้สิ่งนั้น
ต้องการของอย่างนั้น
ให้เค้านึกถึงคุณได้
โดยที่วันนึงAdsจะยิงได้ไม่ได้
แต่ธุรกิจคุณยังอยู่ได้
2)ใครที่เพิ่งเริ่มเข้ามาทำธุรกิจบนFacebook
หรือเปลี่ยนจากOfflineมาเป็นOnline
ก็ให้เริ่มทำเพจ
ที่เป็นแนวคุณค่า
และมีRelationship กับแฟนเพจจริงๆ
ตั้งแต่เริ่มได้เลย
เรื่องนี้เป็นสัญญาณเตือนถึงสิ่งที่
กำลังจะเกิดขึ้นในปี2021
หรือในอนาคตเร็วๆนี้
หลายครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
แบบฉับพลัน
แล้วจะต้องมีธุรกิจล้มหายตายจากไปเสมอ
แต่ถ้าเรา
คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
ปรับตัวก่อน
วันนั้นธุรกิจเราจะยังอยู่ได้
และเมื่อเราเตรียมพร้อมกับโอกาส
ดักทุกอย่างไว้ล่วงหน้า
"ก็เป็นไปได้สูง
ที่ธุรกิจเราอาจจะโตสวนกระแส"
หวังว่าเรื่องราวในวันนี้
จะเป็นประโยชน์
กับพี่น้องชาวเพจเราทุกคนครับ
สวัสดีครับ
A10(เอเท็น)���
#iClassUniversity
#OnlineTakeOver
#1YearCLUB